Japan Ep6 Nikko Part 2
ตามหาทะเลสาบ Chuzenji
จากตอนที่แล้วพวกเราไปดูน้ำตกลงลิฟต์มา ตอนนี้ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วล่ะ การเดินทางในเมืองนิกโกะวันนี้พวกเราใช้เดินเท้ากินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะสถานที่สำคัญอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ (เค้าว่างั้นนะ) สามารถเดินไปเที่ยวได้ซึ่งครึ่งวันหลังเราเดินกันอยู่ในเมืองเล็กนี่แหละ
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าพวกเรามาช่วงปลายเดือน ก.พ เป็นช่วงที่นิกโกะผ่านหน้าหิมะไปแล้ว ดังนั้นเราจึงเห็นแค่ซากหิมะที่ยังละลายไม่หมดอยู่ตามรายทาง นี่นับเป็นครั้งแรกของเราเลยที่ได้เห็นหิมะจริงๆ มันก็คือน้ำแข็งเกร็ดแน่นๆ เนี่ยแหละ พี่ในทริปบอกว่าเค้ามาญี่ปุ่นหลายรอบแล้วยังไม่เคยเจอหิมะเลย มารอบนี้น่าจะโชคดี
Nikko is Nippon
พวกเราเดินกันมาครึ่งทางแล้ว เริ่มชักไม่ไหวแล้วล่ะ “หิวข้าว” เมื่อเช้ากินแต่แบบมื้อรองท้องมาทั้งนั้นเลย ตอนนี้ร่างกายกระหายมื้อหนักต้องพักแล้วล่ะ ทุกคนลงความเห็นว่าต้องจิ้มสักร้านในนี้แล้วล่ะ ก็เลยเลือกร้านร่มสีแดงเนี่ยแหละเป็นที่ฝากท้องของมื้อนี้
เรื่องอื่นยังมีผิดบ้างอะไรบ้างสำหรับพวกเรา แต่เรื่องกินเนี่ยไม่มีพลาดเข้าร้านไหนร้านนั้นเด็ด ร้านนี้ก็เช่นกันไม่ผิดหวังสักเมนูหรือว่าเราหิว? ไม่รู้ด้วยเหตุผลอันใดก็ตามฟาดเรียบ ซึ่งมาญี่ปุ่นอาหารจานใหญ่แต่ก็ต้องกินล่ะเพราะใช้พลังงานเดินกันทั้งวันยันกลางคืนขนาดนี้ จานใหญ่แค่ไหนพวกเราไม่เคยหวั่น ที่สั่งมานี่ก็ว่าเยอะแล้วนะ แต่หันไปเห็นโต๊ะอื่นเค้าสั่งซุปอันนี้กันทั้งนั้นเลย
ซะหน่อยไหมพวกเราเดี๋ยวมาไม่ถึงนิกโกะ กลิ่นมันนั้นรัญจวนใจประหนึ่งเรียกร้องให้ลองสั่ง โอ้ย .. ทนไม่ไหวจัดไปคร้าบพี่น้อง เอาแบบนี้เลยชี้ไปที่เมนูเป้าหมาย ซึ่งมันก็อร่อยจริงๆ นะ เพราะอากาศหนาวๆ ทานร้อนๆ แบบนี้ดีมากเลย แต่ถ้ามันเป็นเมนูที่เริ่มต้นมันจะอร่อยมากเลยนะ แต่มันดันมาเป็นเมนูตบท้ายเลยตายเลยที่นี่ บูรพาต้องยอมแพ้กันบ้างล่ะไม่งั้นไม่ได้เคลื่อนตัว มื้อนี้ 2,097 เยนจ๊ะ เมื่อท้องอิ่มกองทัพก็พร้อมเดินต่อ!! เป้าหมายของเราคือทะเลสาบ ที่มีจุดสังเกตุที่เด่นชัดคือประตูสีแดงอันนี้
จากร้านอาหารที่เราทานข้าวก็เดินตรงมาเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่สังเกตุไม่ยากซุ้มสีแดงอันใหญ่ที่เห็นเด่นชัดเนี่ยแหละ ทะเลสาบซูเซนจิ แห่งนี้ด้านล่างคือภูเขาไฟนันไต ถ้าจำได้เราไปที่จุดชมวิว 360 องศามาจะเห็นว่าทะเลสาบถูกล้อมรอบด้วยภูเขา ทะเลสาบแห่งนี้มีเส้นรอบวง 25 กิโลเมตรเลยทีเดียว กิจกรรมที่สามารถทำที่นี่ได้ก็มีทั้งเดินป่าชมธรรมชาติ และล่องเรือจาก Chuzenjiko Onsen ได้
ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการระเบิดเมื่อ 20,000 ปีมาแล้ว โดยรอบทะเลสาบจะมีจุดที่พัฒนาจุดเดียวคือจุดทางตะวันออกของทะเลสาบ นั้นก็คือเมืองน้ำพุร้อนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนตุลาคม) ที่นี่จะสวยงามมาก หรือแม้แต่หน้าร้อนที่นี่ก็ไม่ร้อนมากเหมือนที่อื่นเพราะอยู่บนพื้นที่สูงถึง 1,269 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ดังน้้นการมาเที่ยวที่นี่มาได้หลายฤดูกาล
สำหรับเมืองนี้วันนี้ถือว่าประทับใจมากเลย แม้จะไม่ได้มาฤดูกาลที่สวยที่สุดแต่ที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังที่ได้มา นี่พวกเรายังไม่ได้เข้าไปโซนมรดกโลกเลยนะ หนึ่งวันในนิกโกะเนี่ยถ้าใครอยากไปหลายที่ต้องแพลนดีๆ หากใครจะมาล่องเรือต้องมีเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการล่องเรือจาก Yumoto Onsen มาทะเลสาบ นิกโกะมีอะไรเที่ยวบ้างเราถ่ายแผนที่มาให้แล้วจ้า
จริงมาที่นี่ไฮไลท์คือศาลเจ้าและสะพานแดง (Shinkyo Bridge) นะ แต่เวลาเราไม่ได้จริงๆ ศาลเจ้านี่เท่าที่อ่านรีวิวมาต้องมีสองชั่วโมง ดังนั้นถ้าใครมาแบบ Day Trip ต้องแพลนมาดีๆ เอาล่ะได้เวลากลับสู่โตเกียวกันแล้ว
พวกเราเดินกลับมาจากสถานีรถบัสไกลเอาเรื่องเหมือนกัน พอมาถึงก็ขึ้นรถบัสเพื่อมายังสถานีรถไฟ จากนั้นก็นั่งรถบัสเพื่อมายังสถานีรถไฟ อากาศยิ่งเย็นก็ยิ่งหนาวดีที่รถรถไฟเค้ามีเตาไฟฟ้าสำหรับผิงด้วยล่ะ ค่อยยังชั่วหน่อยนี่ขนาดไม่ใช่หิมะตกยังหนาวขนาดนี้^^
มาญี่ปุ่นอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบในประเทศนี้คือรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งข้ามเมือง นอกจากความเร็วปานจรวดแล้ว ความสะดวกนี่ยกให้ที่หนึ่งเบาะเค้าปรับได้หลายแบบ จะนั่งแบบไหนก็หมุนเก้าอี้ทั้งชุดเอาเลย หมุนทีหันสามตัวเลยเก๋มาก ตัดภาพกลับมารถไฟประเทศไทย ประเทศไทยมีรถไฟมาก่อนประเทศอืนในเอเชีย หวังว่าเราคงไม่ได้มีหัวจรวดเป็นประเทศสุดท้ายของเอเชียนะ
พอขึ้นรถไฟได้ทุกคนก็สลบ!! ตามระเบียบเด็กกำลังกินกำลังนอน ว๊าบเดียวเราก็มาถึงโตเกียวแล้ว
ภารกิจแรกนั่นคือหาของกินเช่นเดิม ในรีวิวเค้ามีร้านชาบูแนะนำพวกเราเลยมาตามหาชาบูกัน คิวยาวเอาเรื่องเลยแต่ไม่ใช่อุปสรรคของเรา รอค่ะนานแค่ไหนก็รอค่ะ!!
ร้านนี้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ อร่อยสมคำเลาลือ น้ำจิ้ม เนื้อหมู เนื้องานดี เติมไม่อั้นเติมยันคนญี่ปุ่นงง นี่เพิ่งสั่งไปเมื่อกี้หายวับไปกับตา เรื่องกินพวกเราสู้ตายกินบุฟเฟ่ต์ที่ไหน คุ้ม!! ก็จบการเดินทางไปอีกวันด้วยความสนุก เวลามาเที่ยวเนี่ยได้เจอสถานที่สวยๆ ได้กินของอร่อย มันก็มีความสุขแล้วล่ะ
ชีวิตหนึ่งเกิดมาใช้ให้คุ้มจงใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายเสมอ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นคุณจะไม่เสียดายเวลาที่ผ่านไปเลย เหมือนพวกเราที่ตัดสินใจถูกมากเรื่องการเดินทางครั้งนี้ เพราะกลับมาถึงประเทศไทยเจอประกาศล็อกดาวน์ห้ามเดินทางยาวเลย ถึงบอกว่า “ดีนะที่ตัดสินใจมา” ทริปสุดท้ายในสถานการณ์โควิดจริงๆ ไว้มาตามต่อตอนหน้านะจ๊ะ
Editor :: Patthanid Chenagtawee
IG :: patthanid
Facebook :: โสดเที่ยวสนุก By Patthanid
Website :: www.ablogtravel.com