Nan Ep.2 บ้านสะปัน

ดอยภูคา

จากตอนที่แล้วพวกเรา เที่ยวเมืองปัว กันมาแล้ว วันนี้ออกเดินทางกันต่อ เวลามาน่านเช่ารถมาก็สะดวกแบบนี้แหละ อยากไปไหนก็ไป อยากเปลี่ยนแผนก็สะดวก มากันหลายคนเช่ารถมาดีกว่าคุ้ม ไม่งั้นเดินทางยากเหมือนกันนะ แทบจะไม่เห็นรถสาธารณะเอาเสียเลยจริงๆ สำหรับเมืองนี้

จากปัวพวกเราขับรถกันมาเรื่อยๆ อากาศวันนี้เย็นสบายเลยทีเดียว แผนของพวกเราวันนี้คือขึ้นดอยภูคา ใครที่ต้องผ่านจุดนี้เข้าห้องน้ำกันมาให้เรียบร้อยนะจ๊ะ เพราะตลอดเส้นทางมีแต่ป่าเลย ถ้าไม่ไหวนี่ต้องเข้าห้องน้ำธรรมชาติ (ข้างทาง) เอานะ

เรามาที่นี่เพื่อจะไปถ่ายรูปกับวิวอันยอดฮิตที่เนิน 1715 หลายคนชอบมาเช็คอินที่นี่ ก่อนเข้าต้องซื้อตั๋วเข้าอุทยานกันก่อน ในดอยภูคามีที่พักด้วยนะ ทั้งแบบกางเต็นท์และแบบบ้านเป็นหลัง เผื่อใครอยากมารับลมชมวิวทะเลหมอกก็จองกันมาล่วงหน้าทางอุทยานเค้าเลย แต่ไม่ใช่พวกเราแน่นอนเพราะแนวลำบากไม่ใช่ทางเราจริงๆ

เนิน 1715 เป็นจุดชมวิวที่จะมองเห็นทะเลหมอก วันนี้ทัศนวิสัยไม่ค่อยดีฟ้าดูครึ้มๆ พวกเราถ่ายรูปกันสักพักก็ลงดอยภูขา เนื่องจากตอนนี้จะบ่ายแล้วความหิวก็เริ่มมา หาอะไรทานบนนี่ก็คนเยอะมาก สุดท้ายทุกคนจบที่มาม่ากระป๋องของยอดฮิตคนเที่ยวป่า

จากดอยภูคาพวกเรามุ่งหน้าสู่บ้านสะปัน เส้นทางในฝันที่ใครหลายๆ คนอยากมาสโลวไลฟ์ปล่อยใจอยู่ที่นี่ ซึ่งเราผ่านเส้นบ่อเกลือแล้วไปต่อยังบ้านสะปัน การเดินทางมาน่านนั้นต้องวางแผนกันดีๆ เลยนะ จะได้ไม่อ้อมไปอ้อมมา ปั๊มก็หายากน้ำมันต้องเต็มถังนะจ๊ะ

แล้วก็มาถึง “บ้านสะปัน” !! อากาศดีมากจริงๆ พวกเรามาถึงประมาณบ่ายสาม

บ้านสะปัน

เราจองที่พักกันไว้ที่ “มีสะปัน” บ้านพักที่นี่เค้าจะมีแบบริมน้ำ และบนเนินเขาจะเป็นบ้านไม้ยกสูง ส่สวนบ้านที่พวกเราเลือกจองไว้นั้น เป็นบ้านที่เค้าทำใหม่ล่าสุดมีเพียงหลังเดียวในรีสอร์ทแห่งนี้ สายสบายอย่างเราถ้าให้ดูรูปแล้วเลือกแน่นอนเลือกบ้านที่ทำมาใหม่นี่แหละ

ภายในบ้านมีห้องนอน 1 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง ห้องน้ำในตัว 1 ห้อง เป็นบ้านปูนสไตล์ลอป เพียงหลังเดียวของที่นี่ พวกเรามี 5 คน กำลังดีเลยบ้านหลังนี้ พอขนของเข้าบ้านเสร็จก็ได้เวลาไปปั่นจักรยานชิลๆ กันแล้ว มาเที่ยวสไลว์ไลฟ์ทั้งที

จากที่พักปันมาตรงสะพานนี้ไม่ไกลมากนัก ที่นี่เป็นมุมมหาชนที่คนต้องมาถ่ายรูป ไม่งั้นเดี๋ยวมาไม่ถึงบ้านสะปัน ดีนะมาวันธรรมดาคนไม่เยอะ ถ้าคนเยอะ รอไปเหอะป้ายนี้อย่างนานเลยทีเดียว

สำหรับบ้านสะปันนั้นต้องจองล่วงหน้ามานะ จะมาหวังน้ำบ่อหน้าช่วงเทศกาลท่องเที่ยวนี่ไม่มีนะ บ้านที่พวกเราจองเนี่ยจองก่อนเกือบสามเดือนกว่าจะว่าง แม้ที่นี่จะดูเหมือนมีรีสอร์ทเยอะ แต่พอหน้าเทศกาลบ้านทุกหลังถูกจับจองหมด โซนที่พวกเราจองเป็นโซนด้านล่าง ถ้ามองไปบนเขายังมีรีสอร์ทโซนบนให้พักด้วยนะ ส่วนใหญ่ก็จะพักกันข้างล่างเพราะจะได้เล่นน้ำลำธารด้วย

พวกเราเลยว่าจะกินข้าวกันให็เสร็จแล้วลงมาเล่นน้ำตอนเย็นๆ พอเย็นจริงๆ โหย .. น้ำเย็นมากลงได้แป๊บเดียวเลิกหนาว!!

ใครพักที่ “มีสะปัน” ไม่ต้องกลัวขาดแอลกอฮอล์ เค้ามีไว้เบียร์ทุกสัญชาติคอยบริการ เรียกว่าเปิดกันได้ถึงสี่ทุ่มเลยล่ะ อาหารที่นี่ก็มีแค่ตามสั่ง แบบพอกินได้นะ ใครมาที่นี่ต้องเตรียมสเบียงกันมาให้พร้อมไม่มีเซเว่นนะจ๊ะ มีแต่ร้านขายของชำเท่านั้น ปกติความเจริญไปที่ไหนเซเว่นจะตามไปทุกที่ ที่นี่กลับไม่มีเซเว่นเลยแปลกมาก

ความที่พวกเรานานทีเจอกันปีละหนสองหนเแบบพร้อมหน้า ก็ต้องนั่งซึมซับบรรยากาศการเล่าเรื่องต่างๆ ของกันและกัน เวลามาเที่ยวด้วยกันเหมือนได้มารำลึกถึงความหลัง แก๊งค์นี้เป็นแก๊งค์ที่แอดมินเที่ยวด้วยกันมานานหลายปีแล้ว พวกเราจึงเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ เวลาไปไหนสนุก ไปไหนไปกัน

พอถึงเวลาสี่ทุ่มพวกเราก็ต้องย้ายกลับมาเม้าส์กันในห้อง ไปๆ มาหลับกันหมด เหลือแต่สองหนุ่มกินเหล้าตามประสาคอเดียวกัน นานๆ จะได้มาเที่ยวด้วยกันสักที ประกอบกับภรรยาของทั้งสองคนให้ไฟเขียวเฉพาะตอนมาเที่ยว สองหนุ่มนี้เลยเต็มที่

ประมาณตีหนึ่งเห็นจะได้ขนาดที่แอดมินกำลังหลับอยู่นั้น เพื่อนก็มาเรียกว่า “เอแกตั้งสตินะ อย่าตกใจ” ไอ้เราก็งัวเงียอะไรวะ แว๊บแรกเลยนึกว่าที่บ้านโทรมาแล้วใครตายซะอีก ตรูนี่ทำใจเลย” ปรากฏว่าไม่ใช่จ๊ะ เพื่อนบอกว่าตั้งสตินะแล้วค่อยๆ ลุก

งู !!!!! หืม .. อะไรนะ งู ห่านนน พอตั้งสติได้วิ่งออกทางหน้าต่างเลยจ๊ะ เรื่องไวไว้ใจเอ เนี่ยแหละเป็นเหตุที่เพื่อนปลุกเป็นคนสุดท้าย

โปรดสังเกตุจากรูปด้านบนท่านเห็นอะไรไหม? แว๊บแรกที่เห็นจะเป็นลม โหยย อิกนิดเมิงได้มานอนกะตรูแระ แอดมินนอนตรงฟูกที่เห็นนี่เลย ถ้าเพื่อนไม่มาเห็นมันก่อน มันคงได้มาซุกนอนใต้ผ้าห่มเดียวกันเป็นแน่แท้!!

พอออกจากหน้าต่างได้ก็โทรหาเจ้าของให้มาจับงู ส่วนเพื่อนๆ ก็พยายามไล่จะให้มันออกไปจากบ้าน ปรากฏว่ายิ่งไล่มันยิ่งซ่อนตัวเข้าไปอยู่ใต้โซฟาซะงั้น ประมาณ 10 นาทีเจ้าของบ้านมา พอเจอมันเท่านั้นล่ะตีตายเลย เอิ่ม!!

ไม่มีอะไรนะคะงูไม่มีพิษค่ะ เอิ่ม.. แต่มันก็คืองูม๊ะ ไม่ต้องตกใจค่ะ กรุ๊ปที่แล้วก็เจอ คุณพระ!! เค้าเล่าให้พวกเราดูเหมือนว่าปกตินะ เอาวะไหนๆ ปกติก็ปกติเลยถามว่าบ้านเลขที่เท่าไหร่คะ ตรูจำแม่นเลยงานหวยต้องมาแระ

พอเจ้าของบ้านกลับไปแล้วก็เหลือแต่พวกเราที่นอนกันแบบหลับไม่ลง เหมือนมันระแวงมันจะมีมาอีกเปล่าวะ เข้าห้องน้ำก็ต้องค่อยมองมันจะโผล่มาอีกป่ะวะ

ปล. กลับจากน่านพวกเราซื้อหวยบ้านหลังนั้นแหละ ออกจริงไรจริงรวยกันยกแก๊งค์เลยทีเดียว ถึงกับบอกว่าถ้ามาคราวหน้าเจออีกจะขายบ้านขายรถซื้อกันเลยทีเดียว แต่นึกในใจถ้าไม่มีโชคแล้วโชคร้ายโดนงูกัดตายนี่ก็ไม่ไหวน้าา 555

เช้าวันใหม่

พวกเราทุกคนตื่นกันเช้ามากเพราะนอนหลับกันไม่สนิทเท่าไหร่ ทำให้ได้เห็นหมอกยามเช้าที่ลงจัดมาก เช้าๆ ต้องทานข้าวต้มร้อนๆ ทานกันของที่พักเนี่ยแหละ ทานไปดูลำธารไหลกันเพลินๆ

มองบ้านสะปันในมุมนี้มีคนบอกว่าที่นี่เหมือนสวิชเซอร์แลนด์เมืองไทย ยามหมอกลงจัดๆ ที่นี่สวยมากจริงๆ ยิ่งถ้าได้ขับรถขึ้นไปดูด้านบนเขานะ มองลงมาเมืองนี้เหมือนเป็นเมืองในหมอกเลยทีเดียว

หลังจากเช็คเอ้าท์แล้วพวกเราขับรถขึ้นมาดูบ้านสะปันในจุดอื่นๆ เผื่อมาคราวหน้าจะได้สร้างแลนด์มาร์คใหม่ จากด้านล่างขับมาด้านบน มีรีสอร์ทอีกหลายที่เลยที่ทำเลดีๆ ไม่ว่าจะเป็นดอยอิงดาว สวรรค์บนดิน เป็นต้น

จากนั้นพวกเราก็ปิดทริปบ้านสะปันด้วยการไปเช็คอินร้านกาแฟยอดฮิตของบ้านสะปัน กาแฟใช้ได้เลยนะถ้าเทียบกับที่มีเนี่ยตรงนี้เด็ดสุดแล้วล่ะ มีมุมให้นั่งหลายมุมด้วยนะ ร้านจะอยู่ติดกับลำธารเล่นน้ำได้

สำหรับบ้านสะปันเหมาะกับใคร หากถามว่าเหมาะกับคนที่ชอบความสงบ มันก็สงบอยู่นะแต่ตอนนี้คนเริ่มรู้จักมากขึ้นแล้ว บ้านสะปันน่าจะหามุมสงบๆ ได้ยาก นี่ขนาดมาช่วงวันธรรมดานะ คนยังเยอะเลยแล้วจะเอาที่ไหนมาสงบ แต่ถามว่าสวยไหมสวยนะให้มาอีกมาไหม ก็มานะชอบอากาศที่นี่ ตามต่อกันตอนหน้านะค๊าเราจะพาไปบ่อเกลือจ้า

Editor :: Patthanid Chenagtawee
IG :: patthanid
Facebook :: โสดเที่ยวสนุก By Patthanid
Website :: www.ablogtravel.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *