เรียนรู้อยู่ให้ได้

EP4 :: สู้ให้ถึงที่สุด!!

จากตอนที่แล้วเตี่ยถูกย้ายโรงพยาบาลมาอยู่ที่โรงพยาบาบประจำตำบลเพราะเตียงห้อง ICU เต็ม ส่วนใหญ่ถ้าผู้ป่วยดีขึ้นก็จะย้ายมายังโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน ความที่มีสิทธิ์ข้าราชกาคำนวนแล้วห้องพิเศษอยู่ได้สบายมาก และเตี่ยก็ได้ค่าประกันจากประกันอุบัติเหตุ อันนี้ดีมากเลยนะ อยากฝากให้ลูกหลานที่ดูแลคนสูงอายุทำประกันอุบัติเหตุไว้เถอะ คุณได้ใช้แน่นอนเพราะคนสูงอายุมีเปอร์เซ็นต์เรื่องอุบัติเหตุสูงมาก

ถ้างบน้อยแนะนำให้ทำพร้อมกับบัตรเอทีเอ็มที่ทางธนาคารชอบเสนอขายเวลาไปทำบัตร ATM นั่นแหละ อันนี้เบี้ยถูกมีวงเงินที่พอจะช่วยเราในเคสอุบัติเหตุได้ วงเงินส่วนใหญ่ก็ประมาณ 50,000 บาทต่อครั้ง สูญเสียอวัยวะ 100,000 – 150,000 เสียชีวิต 200,000 ราคาเบี้ยประกันก็ราว 1,500 – 2,000 บาท ต่อปี คุณทำไว้เถอะมันมีประโยชน์จริงๆ นะ เคสเตี่ยท้ายที่สุดแล้วเคลมสูญเสียอวัยวะทำให้ไม่สามารถทำงานได้ เคลมได้มาประมาณ 160,000 บาท ช่วยค่ารักษาพยาบาลส่วนต่างได้เยอะเลย

ช่วงเวลาที่เตี่ยอยู่ในโรงพยาบาลแม่ก็คอยดูแลเตี่ย เรียกว่ากินนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเดือนเลย ซึ่งแม่ก็ไม่ชอบมาโรงพยาบาลเท่าไหร่ แต่แม่ก็ดูแลเตี่ยได้ดีมาก การที่ให้แม่มาดูแลเตี่ยเอง เท่ากับว่าถ้ากลับมาบ้านแม่จะรู้หลักการปฏิบัติดูแลผู้ป่วยเหมือนเป็นการฝึกเป็นพยาบาลไปในตัว ดีที่แม่ใจสู้ช่วยดูแลเตี่ยตลอดไม่ไปไหน เนี่ยแหละนะเค้าเรียกว่า “คู่ชีวิต” อยู่ดูแลกัน

ช่วงที่เตี่ยอยู่โรงพยาบาลบอกเลยว่าเหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานเป็นปกติตอนเวลาทำงาน เย็นมาก็ไปนอนเฝ้าเตี่ยที่โรงพยาบาล กลับบ้านก็ต้องมาเก็บกวาดบ้านอีก หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ด้วยความที่ครอบครัวเรามีกันแค่ 5 คนแค่นั้น ก็ไม่มีใครมาช่วยพวกเราได้ ก็ต้องช่วยดูแลกันไป ตอนแรกจะจ้างคนมาเฝ้า แม่ก็เป็นห่วงว่าเค้าจะดูแลเตี่ยไม่ดี เดี๋ยวติดเชื้อเป็นหนักไปอีก แม่เลยตัดสินใจดูแลเอง

พอเตี่ยล้มลงไปคนหนึ่งความรับผิดชอบทุกอย่างก็อยู่ที่เราทั้งหมด ในฐานะพี่คนโตต้องดูแลทุกคน น้องก็มาช่วยกันบ้างตอนไม่มีงาน พวกเราทำงานกันเป็นทีมมาก ช่วยๆ กันในทุกเรื่องที่จะช่วยได้ ผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาล ตั้งแต่เตี่ยเข้าโรงพยาบาลทำให้เข้าใจอะไรได้หลายอย่างเลยนะ เพื่อนน้องเนี่ยมาเยี่ยมกันตลอดไม่ขาดสาย เพื่อนข้างบ้านก็มากันตลอด แต่เพื่อนเราเนี่ยมานับคนได้เลย มีมากันไม่กี่คนจำคนที่มาได้เลยว่ามีใครบ้าง

มันทำให้รู้เลยว่า มิตรแท้ยามยากมันเป็นอย่างไร? เชื่อไหมว่าหลังจากนั้นมาเลิกใส่ซองเลยไม่ว่างานใคร เพื่อนที่มาเนี่ยเรานับถือน้ำใจเค้าเลย เพราะเค้าไม่ได้เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน แต่เค้าลางานมาเลยบอกว่าไม่ต้องมา เค้าบอกเราว่า “ไม่เป็นไรแค่มานั่งข้างๆ ก็ได้” คือซึ้งใจเพื่อนมากเลย ช่างต่างกับเพื่อนที่เรารู้สึกว่าสนิท สงสัยเราสนิทกับเค้าแต่เค้าอาจจะไม่สนิทกับเราล่ะมั้ง จนตอนนี้ผ่านไป 7 ปี ที่บอกว่าจะมาเยี่ยมยังไม่มาเลย จนบางคนตายไปก่อนเตี่ยซะอีก

ใครบอกว่าเราไม่สนใจคนอื่นบอกเลยว่า เลิกสนใจไปตั้งนานแล้วล่ะ เพื่อนน้องนะมากันไม่ขาดสายจริงๆ ขนาดเตี่ยหายแล้วก็ยังมา แบบผ่านก็แวะมาเยี่ยมมาหา ดังนั้นเพื่อนๆ คะไม่ต้องแปลกใจนะทำไมไม่ใส่ซองใครเลย แบบว่าไม่สนิทอ่ะจ๊ะ นี่เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เหมือนกันนะ เราไม่จำเป็นต้องไปลงทุนอะไรกับคนไม่จริงใจมากนัก เก็บเงินใส่ธนาคารกินดอกเบี้ยดีกว่าจ๊ะ

เตี่ยอยู่โรงพยาบาลได้ประมาณหนึ่งเดือน พยาบาลก็มาถามว่า จะกลับไปดูแลที่บ้านไหม? เราก็ปรึกษากันว่า จริงๆ อยู่ไปเตี่ยก็นอนแบบนี้แหละ ไม่เห็นจะดีขึ้นเลยพวกเราก็เหนื่อยด้วยที่ต้องมาโรงพยาบาลทุกวัน ถ้าเตี่ยอยู่บ้านเราก็จะไม่เหนื่อยมาก แค่ดูแลเตี่ยให้เหมือนที่อยู่โรงพยาบาลนี่แหละ พวกเราจึงตัดสินใจพาเตี่ยกลับบ้าน ตอนนี้แหละทำให้เข้าใจเลยว่า บ้านเนี่ยมันสำคัญมากนะ ถ้าเวลาเรามีผู้ป่วย “บ้าน” ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนเป็นห้องพยาบาล มันจึงต้องทำทุกอย่างให้สะดวกสบายที่สุด เราจึงบอกพยาบาลว่าขอเตรียมตัวก่อน แล้วจะย้ายกลับ

เรื่องใหญ่เหมือนกันนะในการปรับห้องหนึ่งห้องให้เป็นห้องพยาบาล เตียงและอุปกรณ์สำคัญต่างๆ ต้องมี ที่โรงพยาบาลบอกว่าอุปกรณ์เนี่ยบางอย่างโรงพยาบาลมีให้ยืมได้นะคะ เราก็เลยไปยืมมาบางรายการ แต่ที่โหดสุดเนี่ยบอกเลยว่า ถ้าซื้อได้ซื้อเถอะอย่างเช่น “เตียง” เชื่อไหมว่ายืมมาได้ไม่กี่วันยังไม่ทันเอาเข้าบ้านเลย ต้องรีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน เจ้าของเตียงเค้ามาตาม ทำเอาขนหัวลุกกันเลยทีเดียว สรุปต้องไปซื้อมาใหม่เข้าบ้านดีกว่ารู้สึกอุ่นใจจริงๆ มิน่าคนดูแลอุปกรณ์บอกว่า “ถ้าใบไม้ไม่ร่วงก็ไม่มีใครเอามาบริจาคหรอก”

พวกเราเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมสรรพ โชคดีมีเพื่อนที่เค้ามีถังอ๊อกซิเจนให้ยืมมาใช้เลยไม่ต้องซื้อ บางอย่างก็ยืมโรงพยาบาลมาเช่น เครื่องดูดเสลด เนื่องจากเตี่ยเจาะคอจำเป็นต้องใช้ อุปกรณ์อย่างอื่นเราซื้อหมด เตียงลม อุปกรณ์ทำแผลยกชุด สายดูดเสลด แล้วก็จัดการปรับห้องให้เหมือนโรงพยาบาลมากที่สุด เพื่อความสะดวกในการดูแล

ตอนนี้เตี่ยแม้จะขยับตัวไม่ได้เลย พวกเราต้องช่วยกันทำกายภาพ แต่เค้าก็แค่ส่งสัญญาณทางสายตาได้บ้าง หมอบอกว่าถ้าดูแลดีๆ ก็จะสามารถปิดคอที่เจาะได้ พวกเราเลยต้องดูแลเตี่ยดีมาก อะไรที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อทิ้งเลย สายดูดเสลดนี่ทิ้งเป็นร้อยเส้น ไม่มั่นใจว่ามือโดนหรือเปล่าทิ้งก่อนเลย เพราะมันทำให้ติดเชื้อได้โดยง่าย แต่ละวันผ่านไปแบบไม่ง่ายเลย แม้เตี่ยจะมาอยู่บ้านก็ต้องดูแลให้เหมือนอยู่โรงพยาบาล วัดความดันสามเวลา

ช่วงแรกเตี่ยยังไม่สามารถกินอาหารได้ก็ต้องไปซื้ออาหารปั่นที่โรงพยาบาลมาทุกวัน ดีที่มีพี่คนหนึ่งเค้าต้องไปซื้อให้พ่อเค้าอยู่แล้วเลยจ้างให้เค้าไปซื้อมาให้ด้วย ไม่งั้นไม่ไหวถ้าต้องตื่นเช้าไปเองเอง บางอย่างตัดให้คนอื่นทำได้ก็ตัดเพื่อเซลแรงเรา ถ้าคนเราน้อยดังนั้นเราต้องรู้จักบริหารจัดการเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด โชคดีที่ทุกคนในบ้านช่วยกันเตี่ยก็ค่อยๆ ดีขึ้น

Editor :: Patthanid Chenagtawee
IG :: patthanid
Facebook :: โสดเที่ยวสนุก By Patthanid
Website :: www.ablogtravel.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *